ปิติ (บาลี: Pīti) หมายถึง ความอิ่มใจ ความดื่มด่ำ
เนื้อหา
[ซ่อน]ประเภทของปีติ[แก้]
คัมภีร์วิสุทธิมรรคและวิมุตติมรรค[แก้]
ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคและวิมุตติมรรค แบ่งปีติเป็นห้าประเภท คือ
- ขุททกาปีติ ปีติเล็กน้อย พอขนชูชันน้ำตาไหล
- ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะ ทำให้รู้สึกแปลบๆเป็นขณะๆ ดุจฟ้าแลบ
- โอกกันติกาปีติ ปีติเป็นระลอก หรือปีติเป็นพักๆ ทำให้รู้สึกซู่ลงมาๆ ในกายดุจคลื่นซัดต้องฝั่ง
- อุพเพคาปีติ หรือ อุพเพงคาปีติ ปีติโลดลอย เป็นอย่างแรง ให้รู้สึกใจฟู แสดงอาการหรือทำการบางอย่างโดยมิได้ตั้งใจ เช่น เปล่งอุทาน เป็นต้น หรือให้รู้สึกตัวเบา เหมือนลอยขึ้นไปในอากาศ
- ผรณาปีติ ปีติซาบซ่าน ให้รู้สึกเย็นซ่านเอิบอาบไปทั่วสรรพางค์ ปีติที่ประกอบกับสมาธิ ท่านมุ่งเอาข้อนี้
ขุททกาปีติและขณิกาปีติสามารถเข้าถึงได้ด้วยศรัทธา โอกกันติกาปีตินั้นถ้ามีมากย่อมทำอุปจารสมาธิให้เกิดขึ้น อุพเพคาปีติที่ยึดติดกับดวงกสิณ ทำให้ทั้งกุศลและอกุศลเกิดขึ้น และขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ ผรณาปีติบุคคลทำให้เกิดขึ้นในสภาวะแห่ง อัปปนาสมาธิ
คัมภีร์วิมุตติมรรค[แก้]
ในคัมภีร์วิมุตติมรรค ยังมีการแบ่งอีกแบบหนึ่ง แบ่งปีติเป็นหกประการ คือ
- ปีติเกิดจากราคะ ความอิ่มใจเพราะความชอบ หลงใหล และความอิ่มใจที่ประกอบด้วยกิเลส
- ปีติเกิดจากศรัทธา ความอิ่มใจของบุคคลผู้มีศรัทธาอย่างแรงกล้า
- ปีติเกิดจากความไม่ดื้อด้าน ความอิ่มใจอย่างยิ่งของคนดี มีใจบริสุทธิ์
- ปีติเกิดจากวิเวก ความอิ่มใจของบุคคลผู้เข้าปฐมฌาน
- ปีติเกิดจากสมาธิ ความอิ่มใจของบุคคลผู้เข้าทุติยฌาน
- ปีติเกิดจากโพชฌงค์ ความอิ่มใจที่เกิดจากการดำเนินตามโลกุตตรมรรค ในทุติยฌาน
ธรรมะที่เกี่ยวข้อง[แก้]
ปีติ พบรวมอยู่ในหลักธรรมอื่นๆทางพุทธศาสนา เช่น
- โพชฌงค์ ๗ คือธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ ได้แก่ สติ ธัมมวิจยะ วิริยะ ปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา)
- องค์ฌาน ได้แก่ ในปฐมฌานประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกัคคตา) ทุติยฌานประกอบด้วย ปีติ สุข และเอกัคคตา)
นอกจากนี้ ปีติยังเป็นหนึ่งในวิปัสสนูกิเลส ๑๐ (อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา)
ปีติเจตสิก[แก้]
ในคัมภีร์พระอภิธรรม มีการกล่าวถึงปีติในลักษณะที่เป็นเจตสิก (ธรรมชาติที่อาศัยจิตเกิด) เรียกว่า "ปีติเจตสิก" มีลักษณะดังนี้ คือ
- มีความแช่มชื่นใจในอารมณ์เป็น "ลักษณะ"
- มีการทำให้อิ่มกายอิ่มใจ หรือทำให้ซาบซ่านทั่วร่างกาย เป็น "กิจ"
- มีความฟูใจเป็น "ผล"
- มีนามขันธ์ ๓ ที่เหลือ ได้แก่ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และวิญญาณขันธ์) เป็น "เหตุใกล้"
ธรรมชาติของปีตินี้ เมื่อเกิดขึ้นกับใครย่อมทำให้ผู้นั้นรู้สึกปลาบปลื้มใจ มีหน้าตาและกายวาจาชื่นบานแจ่มใสเป็นพิเศษ บางทีก็ทำให้รู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่างกาย ซึ่งเกิดจากปีติแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายนี่เอง และทำให้จิตใจของผู้นั้นแช่มชื่น เข้มแข็ง ไม่รู้สึกเหนื่อยหน่ายต่ออารมณ์
อาการปรากฏของปีตินี้ คือ ทำให้จิตใจฟูอื่มเอิบขึ้นมา
ปีติจะเกิดขึ้นได้นั้น ย่อมต้องอาศัยนามขันธ์ ๓ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และวิญญาณขันธ์ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด
เวทนาขันธ์ที่เป็นเหตุใกล้ให้เกิดปีตินั้น ย่อมอาศัยสุขเวทนา เป็นต้น เป็นเหตุให้ปีติเกิด ด้วยเหตุนี้เอง บางทีเราเข้าใจว่า ปีติและสุขเป็นอันเดียวกัน แยกจากกันไม่ได้ แต่ความจริงนั้นปีติกับสุขต่างกัน คือ ปีติเป็นสังขารขันธ์ สุขเป็นเวทนาขันธ์ และเมื่อมีปีติจะต้องมีสุขเสมอแน่นอน แต่ว่าเมื่อมีสุข อาจจะไม่มีปีติด้วยก็ได้
ข้อความอ้างอิง[แก้]
| ||
— สุภสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ |
| ||
— สังคีติสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ |
| ||
— อุปนิสสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ |
อ้างอิง[แก้]
- พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์".
- พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม".
- พระพุทธโฆษาจารย์. "คัมภีร์พระวิสุทธิมรรค".
- "พระอภิธัมมัตถสังคหะ".และ"อภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา".
- พระอุปติสสเถระ. "วิมุตติมรรค".
- สุภสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙
- สังคีติสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑
- อุปนิสสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น